Search
Close this search box.
Search
บัตรกดเงินสด คืออะไร รู้จักความเป็นมา พร้อมคู่มือการใช้งาน

บัตรกดเงินสด คืออะไร รู้จักความเป็นมา พร้อมคู่มือการใช้งาน

ในยุคที่การเงินมีความสำคัญมากขึ้น การมีเครื่องมือที่ช่วยให้เราสามารถเข้าถึงเงินสดได้ง่ายและรวดเร็วเป็นสิ่งที่สำคัญมากเช่นกัน บัตรกดเงินสด จึงเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่คนไทยหลายคนเลือกใช้ แต่บัตรกดเงินสดคืออะไร มันทำงานอย่างไร และเราควรใช้มันอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด ? มาค้นหาคำตอบในบทความนี้กันได้เลย

ความเป็นมาของบัตรกดเงินสด

บัตรกดเงินสด มีต้นกำเนิดมาจากแนวคิดที่ต้องการให้ผู้คนสามารถเข้าถึงเงินสดได้ทุกเวลาที่ต้องการ โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการที่ซับซ้อนเหมือนการขอสินเชื่อ บัตรกดเงินสดเริ่มต้นขึ้นในต่างประเทศและได้รับความนิยมแพร่หลายมายังประเทศไทยในภายหลัง

ประเภทของบัตรกดเงินสด

ประเภทของบัตรกดเงินสด

บัตรกดเงินสดมีหลายประเภท แต่หลัก ๆ แบ่งเป็นสองประเภทใหญ่ ๆ ได้ดังนี้

1. บัตรกดเงินสดจากธนาคาร

บัตรกดเงินสดที่ออกโดยธนาคารต่างๆ ในประเทศไทย มักมีข้อเสนอพิเศษและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ตัวอย่างบัตรกดเงินสดจากธนาคาร เช่น บัตรกดเงินสด ทีทีบี แฟลช จากธนาคารทหารไทยธนชาต (ttb), บัตรกดเงินสด UOB Cash Plus จากธนาคารยูโอบี, บัตรเงินด่วน Xpress Cash จากธนาคารกสิกรไทย, บัตรกดเงินสด KKP CASH CARD จากธนาคารเกียรตินาคิน

2. บัตรกดเงินสดจากบริษัทการเงิน

บัตรกดเงินสดจากบริษัทการเงินมีความยืดหยุ่นและเงื่อนไขการอนุมัติที่ง่ายกว่า ด้วยเงื่อนไขรายได้ และคุณสมบัติที่ไม่สูง ก็สามารถสมัครได้ ตัวอย่างบัตรกดเงินสดจากบริษัทการเงิน Non-bank เช่น Umay+, Aeon, A-money, Promise, Kashjoy, CardX SPEEDY CASH

วิธีการสมัครบัตรกดเงินสด

การสมัครบัตรกดเงินสดไม่ยากอย่างที่คิด หากเรามีการเตรียมตัวและเอกสารที่ครบถ้วน โดยทั่วไปจะใช้เอกสารหลัก ๆ ดังนี้ (อาจจะมีเพิ่มเติมบ้างตามสถาบันการเงินนั้น ๆ ควรสอบถามข้อมูลและเอกสารสมัครอีกครั้งหนึ่ง)

เอกสารที่ต้องใช้ในการสมัคร

ขั้นตอนการสมัคร

วิธีการใช้งานบัตรกดเงินสด

  1. การกดเงินจากตู้ ATM : เพียงแค่ใส่บัตรและกรอกรหัส PIN ก็สามารถกดเงินสดได้ทันที
  2. การใช้บัตรกดเงินสดในการซื้อสินค้า : บางบัตรกดเงินสดสามารถใช้ในการซื้อสินค้าหรือบริการได้เหมือนบัตรเครดิต

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนสมัครบัตรกดเงินสด

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนสมัครบัตรกดเงินสด
  1. อัตราดอกเบี้ย : บัตรกดเงินสดมักมีอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูง โดยส่วนใหญ่จะคิดดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน 25% ต่อปี และคิดแบบรายวันตั้งแต่วันที่เบิกถอนจนกว่าจะชําระคืนครบ ซึ่งสูงกว่าดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคลทั่วไปที่อยู่ที่ 16-25% ต่อปี
  2. ค่าธรรมเนียมรายปี : บัตรกดเงินสดส่วนใหญ่ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี ซึ่งถือเป็นข้อดีเมื่อเทียบกับบัตรเครดิตที่มักมีค่าธรรมเนียมรายปี
  3. ค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสด : ข้อดีของบัตรกดเงินสดคือไม่มีค่าธรรมเนียมในการเบิกถอนเงินสด และไม่คิดภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% เหมือนบัตรเครดิต ทําให้สะดวกในการเบิกใช้เงินสดโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
  4. ค่าปรับ : หากผิดนัดชําระหนี้บัตรกดเงินสด จะมีค่าปรับต่างๆ เช่น ค่าติดตามทวงถามหนี้ที่จะถูกคิดและทบไปในรอบบิลถัดไป และดอกเบี้ยผิดนัดชําระที่จะคิดเพิ่มจากอัตราดอกเบี้ยปกติ ซึ่งหากค้างชําระนานๆ ก็จะกลายเป็นหนี้ก้อนใหญ่ได้
  5. การใช้วงเงิน : เมื่อชําระเงินต้นคืน วงเงินของบัตรกดเงินสดจะกลับคืนมาให้ใช้ใหม่ได้ทันที โดยไม่ต้องขออนุมัติวงเงินใหม่เหมือนสินเชื่อทั่วไป ทําให้มีความยืดหยุ่นในการใช้จ่ายมากกว่า แต่ก็ต้องระวังไม่ใช้เกินตัวจนเป็นหนี้สะสม

บัตรกดเงินสด vs สินเชื่อเงินสด เลือกแบบไหนให้เหมาะกับคุณ

บัตรกดเงินสด vs สินเชื่อเงินสด เลือกแบบไหนให้เหมาะกับคุณ

ในยุคที่เศรษฐกิจผันผวน การมีเงินสํารองไว้ใช้ยามฉุกเฉินถือเป็นเรื่องสําคัญ ซึ่งปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับเราหลายรูปแบบ โดยเฉพาะ “บัตรกดเงินสด” และ “สินเชื่อเงินสด” ที่หลายคนอาจสับสนว่าทั้งสองอย่างนี้แตกต่างกันอย่างไร วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจ พร้อมแนะนําว่าแบบไหนเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ

บัตรกดเงินสด เหมาะกับคนที่ต้องการเงินสดสํารองเผื่อฉุกเฉิน

บัตรกดเงินสดเป็นวงเงินหมุนเวียนในรูปแบบบัตรที่สถาบันการเงินกําหนดวงเงินให้ตามความเหมาะสม โดยผู้ถือบัตรสามารถเบิกถอนเงินสดผ่านตู้ ATM ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่จํากัดจํานวนครั้ง แต่ต้องไม่เกินวงเงินที่ได้รับอนุมัติ ซึ่งข้อดีของบัตรกดเงินสดคือ

  1. สะดวกในการเบิกใช้ ไม่ต้องพกเงินสดติดตัว
  2. ไม่มีค่าธรรมเนียมในการเบิกถอนเงินสด
  3. หากไม่ได้ใช้วงเงิน ก็ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมใดๆ
  4. เหมาะสําหรับเก็บไว้ใช้ในยามจําเป็นฉุกเฉิน

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบัตรกดเงินสดไม่ต้องใช้หลักทรัพย์หรือผู้ค้ําประกัน ทําให้มีอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูง โดยส่วนใหญ่จะคิดดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน 25% ต่อปี และคิดแบบรายวันตั้งแต่วันที่เบิกถอนจนกว่าจะชําระคืนครบ ดังนั้นหากคุณคิดว่าจะต้องใช้เงินบ่อยๆ บัตรกดเงินสดอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก เพราะยิ่งกดบ่อย ก็ยิ่งเสียดอกเบี้ยมากขึ้นเรื่อย ๆ

สินเชื่อเงินสด เหมาะกับคนที่ต้องการเงินก้อนใหญ่ไปใช้จ่าย

สินเชื่อเงินสดเป็นสินเชื่อที่ให้วงเงินแบบไม่มีบัตร เมื่อได้รับอนุมัติ ผู้กู้จะได้รับเงินเข้าบัญชีทั้งก้อน และสามารถเลือกระยะเวลาผ่อนชําระคืนได้เอง ซึ่งข้อดีของสินเชื่อเงินสดคือ

  1. ได้รับเงินก้อนใหญ่ในคราวเดียว เหมาะสําหรับนําไปใช้หนี้หรือจ่ายค่าใช้จ่ายใหญ่ ๆ
  2. สามารถวางแผนการใช้เงินและการผ่อนชําระได้ชัดเจน
  3. อัตราดอกเบี้ยต่ํากว่าบัตรกดเงินสด โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 16-25% ต่อปี
  4. คิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ทําให้ประหยัดกว่าการผ่อนระยะยาว

สรุปได้ว่า บัตรกดเงินสด เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเงินสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน เนื่องจากสามารถเบิกถอนได้สะดวกและไม่มีค่าธรรมเนียมการถอน แต่ต้องระวังเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างสูงหากใช้บ่อย ในทางกลับกันถ้าต้องการเงินก้อนใหญ่เพื่อใช้จ่ายหรือจ่ายหนี้ สินเชื่อเงินสดน่าจะเหมาะสมกว่า ถึงแม้จะมีขั้นตอนการขออนุมัติที่ยุ่งยากกว่าบ้าง แต่มีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินแบบหมุนเวียนเหล่านี้ต้องวางแผนและใช้อย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดหนี้สะสมจนเป็นภาระ โดยควรจัดการการเงินส่วนบุคคลให้ดี เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับความต้องการ และชำระคืนเงินกู้อย่างสม่ำเสมอและตรงตามกำหนด

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

บัตรกดเงินสดต่างจากบัตรเครดิตอย่างไร ?

บัตรกดเงินสดเน้นการกดเงินสดจากตู้ ATM ขณะที่บัตรเครดิตเน้นการใช้จ่ายและมีการจ่ายคืนเป็นงวด

บัตรกดเงินสดอาจมีค่าธรรมเนียมรายปี ค่ากดเงินสด และค่าธรรมเนียมอื่นๆ ขึ้นอยู่กับธนาคารหรือบริษัทการเงิน

บางบัตรสามารถใช้ในต่างประเทศได้ แต่ควรตรวจสอบกับผู้ให้บริการบัตรก่อน

การจ่ายคืนไม่ตรงเวลาจะทำให้มีดอกเบี้ยและค่าปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงส่งผลต่อเครดิตสกอร์

ควรเลือกบัตรที่มีดอกเบี้ยต่ำ ค่าธรรมเนียมต่ำ และสิทธิประโยชน์ที่ตรงกับความต้องการ